ประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาประเทศของสังคมไทยตั้งแต่ยุคไพร่-ทาส ถือเป็นกลุ่มคนที่มีศักดิ์ฐานะต่ำสุดในสังคมไทยโบราณ ตามกฎหมายกำหนดศักดินาสมัยอยุธยา แต่มีบทบาทเป็นฐานการผลิตทุกด้านของสังคม
การเปิดประเทศหลังสนธิสัญญาเบาริ่ง กับอังกฤษในปี พ.ศ.2398 สยามต้องเปิดประเทศเพื่อทำการค้ากับชาติตะวันตก การผลิตเพื่อกินเพื่อใช้ได้เปลี่ยนไปสู่การผลิตเพื่อการค้าขายเสรี
แรงงานจีน แรงงานรับจ้างรุ่นแรกในการทำงานบุกเบิกอุตสาหกรรมของสังคมไทยในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น อันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากสังคมศักดินาสู่ระบบทุนนิยม
แรงงานกับการปฏิรูปประเทศ เป็นยุคที่ถือว่าเป็นยุคแห่งการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายๆด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
การกำเนิดสิทธิแรงงาน นับตั้งแต่การเปิดประเทศและเริ่มดำเนินการอุตสาหกรรม ต้องเผชิญการเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง จนทำให้เกิดข้อขัดแย้งนำไปสู่การเผชิญหน้ากันอยู่ตลอดมา มีการประท้วงผละงานของคนงาน มีการกดดันจากองค์กรแรงงานระหว่างประเทศเพื่อให้มีกฎหมายดูแลแรงงาน จนกระทั่งเมื่อเกิด การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 สิทธิเสรีภาพของชนชั้นล่างได้รับการยอมรับมากขึ้น กรรมกรจึงเริ่มมีปากมีเสียง
สหอาชีวะกรรมกร นโยบายของคณะราษฎรที่เปิดกว้างในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ทำให้เกิดองค์กรแรงงานที่เข้มแข็งขึ้น กรรมกร 16 หน่วย แม้รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม จะพยายามแทรกแซงขบวนการกรรมกรและหนุนให้เกิด “สมาคมกรรมกรไทย” ซึ่งรัฐบาลอุปถัมภ์ แต่เจตนารมณ์ของ “สหอาชีวะกรรมกร” ที่ถูกสลายไปก็ยังถูกสืบทอดในนามของกลุ่ม “กรรมกร 16 หน่วย”
ยุคมืดของสิทธิแรงงาน นับแต่รัฐประหารโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 เป็นต้นมา ถือเป็นยุคมืดของแผ่นดิน รัฐบาลกำจัดกวาดล้างผู้มีความคิดเห็นต่าง นักการเมือง ผู้นำแรงงานจำนวนมากถูกจับกุมคุมขัง ศุภชัย ศรีสติ ผู้นำแรงงานของกรรมกร 16 หน่วยถูกยิงเป้าประหารชีวิตด้วยข้อหาคอมมิวนิสต์
ยุคทองของขบวนการแรงงานไทย จากแรงกดดันหลายอย่างทำให้รัฐบาลเผด็จการยุคต่อมาสมัย จอมพลถนอม กิตติขจร ต้องออกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 ในปี 2515 ที่ถือเป็นกฎหมายแรงงานและยอมให้สิทธิคนงานในการรวมตัวกันเป็น สมาคมลูกจ้าง เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เกิด “พลังสามประสาน” คือการทำงานร่วมกันระหว่างขบวนการแรงงาน ขบวนการนักศึกษา และขบวนการชาวไร่ชาวนา ทำให้การเคลื่อนไหว
เกิด พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ปี 2518 กลุ่มสมาคมลูกจ้างก็เปลี่ยนเป็น กลุ่มสหภาพแรงงานแห่งประเทศไทย แกนนำสำคัญคือ ไพศาล ธวัชชัยนันท์ จากสหภาพแรงงานการไฟฟ้านครหลวง และ อารมณ์ พงศ์พงัน จากสหภาพแรงงานการประปานครหลวง มีการเคลื่อนไหวสำคัญคือ การนัดหยุดงานทั่วประเทศระหว่าง 2 – 6 มกราคม 2519 เพื่อคัดค้านการยกเลิกการจำหน่ายข้าวสารราคาถูกและให้ประกันราคาข้าวเปลือก การคัดค้านการขึ้นราคาน้ำมัน คัดค้านกฎหมายความมั่นคงที่ทำลายสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
การแยกสลายขบวนการแรงงาน 6 ตุลา 2519 สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอน การคุกคามถึงชีวิตทำให้นักศึกษา ประชาชน รวมทั้งผู้ใช้แรงงานจำนวนมากมายต้องหลบหนีเข้าป่าเพื่อต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ และขบวนการแรงงานยิ่งแตกสลาย เมื่อคณะ รสช.ทำรัฐประหารในวันที่ 23 กุมภาพันธ์พ.ศ.2534 และได้ออกกฎหมายแยกแรงงานภาครัฐวิสาหกิจออกจากภาคเอกชน ทนง โพธิ์อ่าน ผู้นำแรงงานที่ลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการทหารหายสาบสูญไป
หลักประกันทางสังคม เพื่อให้เกิดหลักประกันที่ดีสำหรับคนทำงานทุกคน ในปี 2533 ขบวนการแรงงานก็ร่วมกับองค์กรนักศึกษาและองค์กรพัฒนาเอกชน เคลื่อนไหวเรียกร้องกฎหมายประกันสังคมจนเป็นผลสำเร็จ ในปี 2536 มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้คนงานหญิงมีสิทธิ์ลาคลอดได้ 90 วันโดยได้รับค่าจ้างเต็ม ซึ่งครอบคลุมถึงข้าราชการด้วย
วิกฤตแรงงานยุคโลกาภิวัตน์ วิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540และวิกฤต“แฮมเบอร์เกอร์” ในช่วงปี 2550 ทำให้ภาคเอกชนเกิดการเลิกจ้างคนงานมากมาย ส่วนนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็ถูกเร่งรัดดำเนินการ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้แรงงานจำนวนมากที่ถูกผลักให้กลายไปเป็นแรงงานนอกระบบ
หยาดเหงื่อแรงงานที่สรรค์สร้าง ประวัติศาสตร์การพัฒนาของสังคมไทยนั้น แม้จะเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า ผู้ใช้แรงงานเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการทำให้สังคมไทยพัฒนาเจริญรุ่งเรืองมาอย่างต่อเนื่อง แต่กระทั่งถึงทุกวันนี้